WELL COME TO MY WEB TAWHANJUNG เว็บไซต์นี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา สหกิจศึกษา รหัส 0503 455 สนับสนุนโดย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

งาน ฝ่ายมัลติมีเดียและโทรทัศน์ ที่พี่มอบหมายในช่วงนั้น

สำหรับงานวันแม่นี้ พี่ฝ่่ายมัลติมีเดียและโทรทัศน์ มอบหมายให้ทำตั้งแต่วันแรกที่ได้เข้าไปอยู่ฝ่ายนี้ แต่ไม่ได้เอามาอัพให้ดู พอดีพึ่งเอามาลงได้ สำหรับวีดิโอวันแม่นี้ผมขอมอบให้กับแม่ผมเอง และแม่ของทุกๆ อาจจะไม่ดีนะครับ พอดีพึ่งหัดใช้โปรแกรม และไม่ค่อยถนัดในเรื่องนี้ด้วย แต่ก็พยายามทำออกมาให้ดีที่สุด วีดิโอชิ้นนี้ จะฉายออกโทรทัศน์วงจรปิดของโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ในเดือนสิงหาคมครับ มีไรติชมได้นะครับ จะได้นำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น


20 กรกฎาคม 2553

18.12 น.

สำหรับงานในฝ่ายกราฟิกที่ผมอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเหลืออีกหนึ่งอาทิตย์ กับอีกสามวัน ที่จะต้องเปลี่ยนฝ่ายนั้น ในช่วงนี้บอกตรงๆเลยว่าไม่ค่อยมีงานเลย วันหนึ่งอาจจะมีสักสี่ถึงห้าชิ้น ประมาณนั้น ถ้าเกินก็ไม่มาก ซึ่งวันนี้ตั้งแต่ตอนเช้า ผมไม่ได้ทำไรเลยในช่วงเช้า มีแค่เห็นพี่คนไหนออกแบบนิดๆหน่อยๆ ผมก็ไปนั่งศึกษาการทำกับพี่เขา ได้ความรู้บ้างนิดหน่อยก็ยังดีกว่าไม่ได้ไรเลย ดีกว่านั่งอยู่เฉยๆ ว่าไหมครับ ส่วนในช่วงบ่ายพี่เขาให้แกะสติ๊กเกอร์ป้ายเวที สามอันน่าจะได้ นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีเลย เพราะพี่เขาก็ไม่ได้ทำไรเหมือนกัน ผมก็เลยไม่รู้จะทำไร มีแต่เห็นพี่เขาทำไร ผมก็ไปช่วย ช่วงนี้อาจจะไม่มีรูปเลยนะครับ เป็นเพราะว่าตัวผมเองไม่มีกล้อง ซึ่งก็ไม่รู้จะเอารูปตอนที่ปฏิบัติงานนั้นมาจากไหน เพราะเพื่อนคนอื่นๆ เขาก็มีกล้องกันหมดเลย มีแค่ผมคนเดียว ซึ่งก็ไม่อยากเป็นตัวถ่วงเพื่อนด้วยครับ เลยไม่อยากรบกวนเพื่อน เพราะกลัวเสียเวลางาน กลัวพี่ๆเขาตำหนิเอา เดี๋ยวจะเสียไปถึงรุ่นน้องรุ่นหลังที่จะมาฝึกต่อ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ยังไงก็จะพยายาม ถึงไม่มีภาพถ่าย แต่ก็จะมาเล่าสู่ทุกๆคนฟังเหมือนเดิมครับ ว่าในแต่ละวันนั้นผมทำไรบ้าง

สำหรับในวันนี้ก็คงจะมาเล่นสู่ฟังเพียงเท่านี้ก่อนครับ เดี๋ยวไปซักผ้าก่อน เดี๋ยวฝนจะตกอีก เพราะว่าที่นี่ฝนตกทุกวันเลยก็ว่าได้ ยังไงก็ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ เพราะช่วงนี้น่าจะเข้าสู่หน้าฝนแล้ว เดี๋ยวไม่สบาย

คำคมวันนี้ขอเสนอคำว่า "คำชมเป็นเพียงลมปาก คำดูถูกต่างหากคือกำลังใจ"

วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

18 กรกฎาคม 2553

22.03 น.

สำหรับตัวผมเองนะหรอครับ ไม่มีอะไรอัพเดทกับเขาหรอกเกี่ยวกับเรื่องที่มีสาระ เพราะผมเป็นคนที่ไร้สาระ หลายๆคนคงเห็นด้วย เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาหรอครับ ผมเดินทางกลับบ้านครับ เพราะว่าอยู่ใกล้บ้าน แต่ก็ไม่ได้กลับทุกอาทิตย์หรอกนะครับเพราะเหนื่อยขี่รถมอไซต์ ระยะทางจากที่ฝึกงานไปจนถึงบ้านก็เป็นร้อยเลยครับ ผมใช้เวลาเดินทางกลับบ้าน 2 ชั่วโมงเต็ม เหนื่อยพอสมควร ตอนแรกผมนึกว่าจะไม่ได้กลับบ้านแล้วซะอีก เพราะที่นี่ฝนตกทุกวันเลย เย็นวันศุกร์ก็ตก เลยว่าจะไม่กลับ แต่พอสี่โมงครึ่ง ผมเลิกงาน ฝนก็หยุดตกพอดี เลยตัดสินใจกลับบ้านในทันที ผมเป็นคนที่ตัดสินใจกระทันหันในทุกอย่าง อยากทำอะไรในตอนนั้นผมก็ตัดสินใจทำ

หลายคนคงถามว่ากลับบ้านทำไมบ่อยจัง ที่บ้านมีไรดีหรอ ตอบง่ายๆเลยครับ ไม่มีไรพิเศษไปกว่าได้ไปอยู่กับครอบครัวหรอก นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมอยากกลับบ้าน อีกอย่าง คือ ต้นไม้ครับ ชีวิตผมถ้าให้ขาดต้นไม้ ดอกไม้ ผมคงขาดมันไม่ได้หรอก ที่บ้านก็มีไม่เยอะหรอกครับ แต่อยากจะกลับไปดูแลมัน คนเราในทุกวันนี้ต้องหันไปพึ่งธรรมชาติ ดอกไม้ ใบหญ้าแล้วแหละครับผมว่า จะเห็นว่าทุกวันนี้โลกร้อนมาก มีไรช่วยเราได้บ้าง นอกจากธรรมชาติ ผมได้ยินคำพูดจากรายการหนึ่งว่า แต่ก่อนมนุษย์เคยทำลายธรรมชาติ แต่พอถึงทุกวันนี้ธรรมชาติจึงหันกลับมาทำลายมนุษย์ ผมว่ามันก็จริงนะครับ บรรยายมาซะยาวเลย น่าเบื่อนะครับ

สำหรับดอกไม้ที่ทำให้ผมอยากกลับไปดูแลมันนะหรอครับ มีไม่กี่อย่างเลย อย่างแรก คือดอกกล้วยไม้ ผมหลงไหลในความสวยงามของดอกกล้วยไม้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้นะครับ มารู้สึกตัวก็ตอนเห็นที่ไหนที่เขาเอามาขายผมจะต้องซื้อมันเกือบทุกครั้ง อย่างที่สองคือ ดอกดาวดึงส์ ผมถือว่ามันเป็นโชคดีของผมเลยก็ว่าได้ ดอกดาวดึงส์เป็นดอกไม้ที่ค่อนข้างหายากหน่อย แต่ผมกลับได้มันมาง่ายๆ ซึ่งได้มาจากนา ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าคือดอกอะไรหรอกครับ เห็นมันสีสวยงามดี เลยเอามาปลูก เอาไปเอามามีคนมาบอกว่าเป็นดอกดาวดึงส์ เลยมาค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ก็ใช่ที่เขาบอกจริงๆ ดอกของมันสวยมากครับ ตอนนี้กำลังจะออกดอกด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาฝากกัน เพราะไม่มีกล้องครับ ใจจริงก็อยากจะเอาภาพมาฝากอยู่ แต่ทำไงได้ว่าไหมครับ เวลาที่ผมอยู่กับดอกไม้เหล่านี้ ผมรู้สึกว่าชีวิตมันมีความสุขดี บางครั้งคนเราก็ต้องการความเอาใจใส่ ต้นไม้ก็เหมือนกันครับ มันก็ย่อมต้องการความเอาใจใส่เหมือนกัน ถึงมันจะออกดอกช้า แต่ผมว่าผลที่ได้รับมันก็คุ้มนะครับ สีสันสวยงามสดุดตาน่าหลงไหล ชวนมอง แต่ก่อนผมอยากจะไปขอคนอื่นมาปลูกด้วยซ้ำ แต่ทุกวันนี้ มีแต่คนอยากจะได้ที่ผมเอาไปปลูก

ชีวิตของคนเราไม่รู้ว่าจะจบสิ้นลงตอนไหน สิ่งไหนที่ทำแล้วมีความสุข ก็ทำไปเถอะครับ ขอแค่ว่าทำแล้วตัวเองมีความสุขและคนรอบข้างเห็นว่าดี อย่าทำในสิ่งที่ไม่ดีก็พอ ผมว่าแค่นี้ชีวิตคนเราก็มีคุณค่าแล้วแหละครับ ไม่ต้องไปไขว่คว้าอะไรอีกมากมายมาประดับชีวิต

ก่อนจากอยากฝากคำคมไว้ว่า ขอบคุณ "ความไม่มี" ที่ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้ อ้างอิง ท่าน ว.วชิรเมธี

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

15 กรกฎาคม 2553

สวัสดีครับทุกๆท่าน

สำหรับงานที่ผมได้ทำในวันนี้ครับ ในช่วงนี้เริ่มผ่านพ้นกับการตรวจเยี่ยมสำรวจโรงพยาบาลแล้ว(ตรวจมาตรฐาน) ซึ่งการตรวจเยี่ยมนั้นมีความสัมพันธ์อะไรกับแผนกกราฟิก จะบอกว่าสัมพันธ์ที่สุด เพราะใกล้จะถึงวันทุกฝ่ายเริ่มตื่นตัว ทำให้มีการปรับปรุงมีการเตรียมความพร้อมที่จะตรวจ ต้องเตรียมหลายๆอย่าง ซึ่งสิ่งที่จะเตรียมก็มาสั่งอยู่แผนกกราฟิก เพื่อปริ้นงาน ทำแผนผังเจ้าหน้าที่ ออกแบบหลายๆอย่าง ซึ่งจะต้องทำให้ ปริ้นให้ ติดฟิวเจอร์บอร์ดให้ เคลือบสติ๊กเกอร์ใสให้ ซึ่งในโรงบาลมีหลายแผนก แต่ละแผนกต้องทำคล้ายๆกัน จึงทำให้งานเยอะมากในช่วงนั้น สำหรับในช่วงนี้งานเริ่มลดน้อยลง เริ่มกลับสู่ปกติ ซึ่งทำให้ช่วงนี้ไม่ค่อยจะได้ทำอะไรมากมาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย ตรงกันข้ามกลับมีทุกวันเช่นเดิม เพียงแค่ไม่เยอะเหมือนช่วงก่อนหน้านี้เท่านั้นเองครับ

สำหรับที่ได้ทำในวันนี้ก็ติดฟิวเจอร์บอร์ดและเคลือบสติ๊กเกอร์ใส 15 แผ่น และไปติดสติ๊กเกอร์กระจกหน้าห้องอีกหนึ่งงาน

วันนี้ก็มีเพียงเท่านี้จะมีอะไรเพิ่มเติมไปมากกว่านี้อย่างไร จะมาอัพเดทข้อมูลให้ทุกท่านได้รู้กันครับ

ขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุขครับ สวัสดี

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

นานมากกับการฝึกสหกิจศึกษา

23.43 น. โดยประมาณ

วันนี้ก็วันที่ 13 กรกฎาคม 2553 ซึ่งเมื่อมองกลับหลังสำหรับการฝึกสหกิจ ก็เหมือนเวลามันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วซะเหลือเกิน เพียงแค่ไม่นานก็ผ่านไปเดือนกว่าแล้ว สำหรับประสบการณ์ที่ได้ในเวลาที่ผ่านมาถือว่า ตัวเองยังไม่ได้อะไรเลย แต่ก็มีบ้างเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้ามองออกไปข้างหน้าสิ มันช่างต่างกันกับมองย้อนหลังเหลือเกิน ทั้งที่เวลามันก็เท่าๆกัน แต่เหมือนมันช่างเหลืออีกยาวนานมากเลย อยากให้ถึงวันสุดท้ายของการฝึกสหกิจจังเลย คงมีหลายคนเหมือนกันที่คิดเหมือนผม คงไม่ใช่แค่ตัวผมคนเดียวหรอกที่คิดแบบนี้ ผมว่านะ แต่มองในทางตรงกันข้ามกลับไม่อยากให้เวลานั้นผ่านไปเลย เป็นเพราะหลายๆอย่าง ที่สำคัญเลยก็คืองาน ผมยังไม่รู้เลยว่าเมื่อถึงกำหนดส่งงานทั้งหมด ผมจะทำมันเสร็จตามที่อาจารย์ได้กำหนดไว้หรือเปล่า แต่ก็ต้องตั้งใจทำมันให้ถึงที่สุด

ถึงวันนี้สำหรับประสบการณ์ที่ผ่านมานั้นจะไม่ได้มาถ้าไม่มีพี่ๆฝ่ายเวชนิทัศน์และโสตทัศนศึกษาทุกๆคน ขอขอบคุณพี่ๆทุกคนครับ

สำหรับในวันนี้พอไว้เพียงเท่านี้ก่อน เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เดี๋ยวจะพยายามอัพข้อมูลลงเรื่อยๆให้ทุกคนที่เข้ามาติดตามได้รู้ความเคลื่อนไหวในการฝึกสหกิจในครั้งนี้

ขอความสุขสวัสดี จงมีแก่ทุกๆท่านตลอดทั้งกาลและนานเทอญ