WELL COME TO MY WEB TAWHANJUNG เว็บไซต์นี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา สหกิจศึกษา รหัส 0503 455 สนับสนุนโดย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

19 สิงหาคม 2553






สำหรับวันนี้นะครับ ผมได้นำเอาบรรยากาศเก่าๆ มาเล่าใหม่ ให้เพื่อนๆ ได็เห็นกันนะครับ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของงานถ่ายภาพ ซึ่งตอนนี้กำลังประจำอยู่ ยังมีอีกหลายๆ ภาพที่ไม่สามารถเอามาลงให้ดูได้ เพราะมันเยอะมากเลยครับ ซึ่งวันนี้ก็ได้ไปถ่ายภาพงาน " มหกรรมการแพทย์ตามวิถี" ซึ่งก็คงไม่มีภาพมาลงนะครับ เพราะไม่มีรูปผมเลยตอนที่ปฏิบัติงาน ช่วงนี้หน่วยถ่ายภาพ พูดได้เลยว่า คนไม่เพียงพอต่องาน เพราะไปคนละงาน จนแทบจะไม่มีคนเฝ้าห้อง ซึ่งก็จะมีเจ้าหน้าที่ต่างๆมาติดต่องานบ้าง มาถ่ายรูปติดบัตรบ้าง มาตามงานบ้าง ซึ่งตรงนั้นบางครั้งก็ต้องปล่อยไปก่อน เพราะงานอื่นที่สำคัญกว่า เขาขอมา เราจัดให้ ประมาณนี้ครับ

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วันที่ 19 สิงหาคม 2553

เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก

อีกแค่เพียงหนึ่งเดือนเศษๆก็จะฝึกงานจบแล้ว เวลาที่มันล่วงเลยมาจนถึงวันนี้มีหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ทั้งดีและไม่ดี แต่สิ่งไหนที่มันดีเราก็ควรที่จะจดจำมัน สิ่งไหนที่ไม่ดี เราก็อย่าไปจำมัน การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มันก็ดูจะเพิ่มขึ้นทุกวันๆ เวลาที่เหลือสำหรับการฝึกงานนี้ ดูเหมือนว่าพวกเราต้องวิ่งออกหน้ามันให้ได้มากที่สุด เท่าไหร่ยิ่งดี เวลาทุกวินาทีเริ่มมีค่ากับตัวผมเองมากขึ้นทุกวัน ดูเหมือนมันจะโหดร้ายด้วยซ้ำไป แต่นั่นมันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องเรียนรู้ในการปฏิบัติตนในแต่ละวัน เรื่องที่เข้ามาในชีวิตเราแต่ละวัน ผมว่า ถ้าเอามาเขียนเป็นหนังสือ ก็คงได้หลายเล่มเลย บางครั้งตัวผมเองก็คิดว่าอยากที่จะเอาประสบการณ์ของตัวเองที่ตัวเองได้ผ่านมันมานั้น เอามาเขียนลงเป็นตัวหนังสือ ให้คนอื่นๆได้อ่านได้เรียนรู้กัน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้
เพราะมันดูเหมือนว่า มันจะกลายเป็นเพียงความฝันที่ไม่มีวันกลายเป็นจริงได้ อีกไม่นานเกินรอ ก็จะพ้นผ่านช่วงนี้แล้วสินะ คิดถึงเพื่อนๆ คิดถึงสิ่งเก่าๆ ที่เคยทำร่วมกันกับเพื่อนๆ น้องๆ คงอีกหลายเดือนเลยที่พวกเราจะได้เจอกันอีกครั้ง คิดถึงเพื่อนๆทุกคน ฝึกงานจบไป คงมีเรื่องพูดคุยกันเยอะเลย ต่างคนก็อยากจะเล่าเรื่องราวของตัวเองที่ได้มาพบเจอในช่วง ที่ฝึกงาน มันคงมีความสุขเมื่อถึงวันนั้น เราจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง พร้อมทั้งความสุข เสียงหัวเราะ ที่มันขาดหายไปช่วงหนึ่ง เราจะเอาความสุขเหล่านั้นกลับคืนมา

คิดถึงเพื่อนๆ น้องๆทุกคนเลย คิดถึงวันเวลาเก่าๆ ที่มีแต่รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ จะสู้ต่อไปเพื่อก้าวข้างหน้าที่ดีกว่า

วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

9 สิงหาคม 2553








ช่วงนี้อาจจะห่างหายไปนานเลย
จนจำแทบไม่ได้เลยว่าครั้งสุดท้ายที่อัพข้อมูลครั้งล่าสุดคือวันไหน โผล่มาอีกทีตอนนี้ก็ย้ายฝ่ายมาอยู่ถ่ายภาพแล้ว สำหรับงานถ่ายภาพนั้นมีแทบทุกวัน หรืออาจจะทุกวันเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่ที่ย้ายฝ่ายมานี้จำแทบไม่ได้แล้วว่าถ่ายงานไหนไปบ้าง ที่พอจำได้บ้างก็น่าจะมี

1. ไปถ่ายภาพงาน Echo สัญจรที่โรงพยาบาลหนองบุญมาก
2. ถ่ายภาพตึกการไฟฟ้าซึ่งเป็นตึกใหม่
3. ถ่ายภาพการประชุม
4. ถ่ายภาพที่ห้องดับจิต
5. ถ่ายภาพติดบัตร (พร้อมแต่ง) ฯลฯ

นี่คืองานถ่ายภาพเท่าที่จำได้นะครับ และที่ไม่ได้เอ่ยถึงอีกมากเลย

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

งาน ฝ่ายมัลติมีเดียและโทรทัศน์ ที่พี่มอบหมายในช่วงนั้น

สำหรับงานวันแม่นี้ พี่ฝ่่ายมัลติมีเดียและโทรทัศน์ มอบหมายให้ทำตั้งแต่วันแรกที่ได้เข้าไปอยู่ฝ่ายนี้ แต่ไม่ได้เอามาอัพให้ดู พอดีพึ่งเอามาลงได้ สำหรับวีดิโอวันแม่นี้ผมขอมอบให้กับแม่ผมเอง และแม่ของทุกๆ อาจจะไม่ดีนะครับ พอดีพึ่งหัดใช้โปรแกรม และไม่ค่อยถนัดในเรื่องนี้ด้วย แต่ก็พยายามทำออกมาให้ดีที่สุด วีดิโอชิ้นนี้ จะฉายออกโทรทัศน์วงจรปิดของโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ในเดือนสิงหาคมครับ มีไรติชมได้นะครับ จะได้นำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น


20 กรกฎาคม 2553

18.12 น.

สำหรับงานในฝ่ายกราฟิกที่ผมอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเหลืออีกหนึ่งอาทิตย์ กับอีกสามวัน ที่จะต้องเปลี่ยนฝ่ายนั้น ในช่วงนี้บอกตรงๆเลยว่าไม่ค่อยมีงานเลย วันหนึ่งอาจจะมีสักสี่ถึงห้าชิ้น ประมาณนั้น ถ้าเกินก็ไม่มาก ซึ่งวันนี้ตั้งแต่ตอนเช้า ผมไม่ได้ทำไรเลยในช่วงเช้า มีแค่เห็นพี่คนไหนออกแบบนิดๆหน่อยๆ ผมก็ไปนั่งศึกษาการทำกับพี่เขา ได้ความรู้บ้างนิดหน่อยก็ยังดีกว่าไม่ได้ไรเลย ดีกว่านั่งอยู่เฉยๆ ว่าไหมครับ ส่วนในช่วงบ่ายพี่เขาให้แกะสติ๊กเกอร์ป้ายเวที สามอันน่าจะได้ นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีเลย เพราะพี่เขาก็ไม่ได้ทำไรเหมือนกัน ผมก็เลยไม่รู้จะทำไร มีแต่เห็นพี่เขาทำไร ผมก็ไปช่วย ช่วงนี้อาจจะไม่มีรูปเลยนะครับ เป็นเพราะว่าตัวผมเองไม่มีกล้อง ซึ่งก็ไม่รู้จะเอารูปตอนที่ปฏิบัติงานนั้นมาจากไหน เพราะเพื่อนคนอื่นๆ เขาก็มีกล้องกันหมดเลย มีแค่ผมคนเดียว ซึ่งก็ไม่อยากเป็นตัวถ่วงเพื่อนด้วยครับ เลยไม่อยากรบกวนเพื่อน เพราะกลัวเสียเวลางาน กลัวพี่ๆเขาตำหนิเอา เดี๋ยวจะเสียไปถึงรุ่นน้องรุ่นหลังที่จะมาฝึกต่อ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ยังไงก็จะพยายาม ถึงไม่มีภาพถ่าย แต่ก็จะมาเล่าสู่ทุกๆคนฟังเหมือนเดิมครับ ว่าในแต่ละวันนั้นผมทำไรบ้าง

สำหรับในวันนี้ก็คงจะมาเล่นสู่ฟังเพียงเท่านี้ก่อนครับ เดี๋ยวไปซักผ้าก่อน เดี๋ยวฝนจะตกอีก เพราะว่าที่นี่ฝนตกทุกวันเลยก็ว่าได้ ยังไงก็ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ เพราะช่วงนี้น่าจะเข้าสู่หน้าฝนแล้ว เดี๋ยวไม่สบาย

คำคมวันนี้ขอเสนอคำว่า "คำชมเป็นเพียงลมปาก คำดูถูกต่างหากคือกำลังใจ"

วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

18 กรกฎาคม 2553

22.03 น.

สำหรับตัวผมเองนะหรอครับ ไม่มีอะไรอัพเดทกับเขาหรอกเกี่ยวกับเรื่องที่มีสาระ เพราะผมเป็นคนที่ไร้สาระ หลายๆคนคงเห็นด้วย เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาหรอครับ ผมเดินทางกลับบ้านครับ เพราะว่าอยู่ใกล้บ้าน แต่ก็ไม่ได้กลับทุกอาทิตย์หรอกนะครับเพราะเหนื่อยขี่รถมอไซต์ ระยะทางจากที่ฝึกงานไปจนถึงบ้านก็เป็นร้อยเลยครับ ผมใช้เวลาเดินทางกลับบ้าน 2 ชั่วโมงเต็ม เหนื่อยพอสมควร ตอนแรกผมนึกว่าจะไม่ได้กลับบ้านแล้วซะอีก เพราะที่นี่ฝนตกทุกวันเลย เย็นวันศุกร์ก็ตก เลยว่าจะไม่กลับ แต่พอสี่โมงครึ่ง ผมเลิกงาน ฝนก็หยุดตกพอดี เลยตัดสินใจกลับบ้านในทันที ผมเป็นคนที่ตัดสินใจกระทันหันในทุกอย่าง อยากทำอะไรในตอนนั้นผมก็ตัดสินใจทำ

หลายคนคงถามว่ากลับบ้านทำไมบ่อยจัง ที่บ้านมีไรดีหรอ ตอบง่ายๆเลยครับ ไม่มีไรพิเศษไปกว่าได้ไปอยู่กับครอบครัวหรอก นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมอยากกลับบ้าน อีกอย่าง คือ ต้นไม้ครับ ชีวิตผมถ้าให้ขาดต้นไม้ ดอกไม้ ผมคงขาดมันไม่ได้หรอก ที่บ้านก็มีไม่เยอะหรอกครับ แต่อยากจะกลับไปดูแลมัน คนเราในทุกวันนี้ต้องหันไปพึ่งธรรมชาติ ดอกไม้ ใบหญ้าแล้วแหละครับผมว่า จะเห็นว่าทุกวันนี้โลกร้อนมาก มีไรช่วยเราได้บ้าง นอกจากธรรมชาติ ผมได้ยินคำพูดจากรายการหนึ่งว่า แต่ก่อนมนุษย์เคยทำลายธรรมชาติ แต่พอถึงทุกวันนี้ธรรมชาติจึงหันกลับมาทำลายมนุษย์ ผมว่ามันก็จริงนะครับ บรรยายมาซะยาวเลย น่าเบื่อนะครับ

สำหรับดอกไม้ที่ทำให้ผมอยากกลับไปดูแลมันนะหรอครับ มีไม่กี่อย่างเลย อย่างแรก คือดอกกล้วยไม้ ผมหลงไหลในความสวยงามของดอกกล้วยไม้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้นะครับ มารู้สึกตัวก็ตอนเห็นที่ไหนที่เขาเอามาขายผมจะต้องซื้อมันเกือบทุกครั้ง อย่างที่สองคือ ดอกดาวดึงส์ ผมถือว่ามันเป็นโชคดีของผมเลยก็ว่าได้ ดอกดาวดึงส์เป็นดอกไม้ที่ค่อนข้างหายากหน่อย แต่ผมกลับได้มันมาง่ายๆ ซึ่งได้มาจากนา ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าคือดอกอะไรหรอกครับ เห็นมันสีสวยงามดี เลยเอามาปลูก เอาไปเอามามีคนมาบอกว่าเป็นดอกดาวดึงส์ เลยมาค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ก็ใช่ที่เขาบอกจริงๆ ดอกของมันสวยมากครับ ตอนนี้กำลังจะออกดอกด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาฝากกัน เพราะไม่มีกล้องครับ ใจจริงก็อยากจะเอาภาพมาฝากอยู่ แต่ทำไงได้ว่าไหมครับ เวลาที่ผมอยู่กับดอกไม้เหล่านี้ ผมรู้สึกว่าชีวิตมันมีความสุขดี บางครั้งคนเราก็ต้องการความเอาใจใส่ ต้นไม้ก็เหมือนกันครับ มันก็ย่อมต้องการความเอาใจใส่เหมือนกัน ถึงมันจะออกดอกช้า แต่ผมว่าผลที่ได้รับมันก็คุ้มนะครับ สีสันสวยงามสดุดตาน่าหลงไหล ชวนมอง แต่ก่อนผมอยากจะไปขอคนอื่นมาปลูกด้วยซ้ำ แต่ทุกวันนี้ มีแต่คนอยากจะได้ที่ผมเอาไปปลูก

ชีวิตของคนเราไม่รู้ว่าจะจบสิ้นลงตอนไหน สิ่งไหนที่ทำแล้วมีความสุข ก็ทำไปเถอะครับ ขอแค่ว่าทำแล้วตัวเองมีความสุขและคนรอบข้างเห็นว่าดี อย่าทำในสิ่งที่ไม่ดีก็พอ ผมว่าแค่นี้ชีวิตคนเราก็มีคุณค่าแล้วแหละครับ ไม่ต้องไปไขว่คว้าอะไรอีกมากมายมาประดับชีวิต

ก่อนจากอยากฝากคำคมไว้ว่า ขอบคุณ "ความไม่มี" ที่ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้ อ้างอิง ท่าน ว.วชิรเมธี

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

15 กรกฎาคม 2553

สวัสดีครับทุกๆท่าน

สำหรับงานที่ผมได้ทำในวันนี้ครับ ในช่วงนี้เริ่มผ่านพ้นกับการตรวจเยี่ยมสำรวจโรงพยาบาลแล้ว(ตรวจมาตรฐาน) ซึ่งการตรวจเยี่ยมนั้นมีความสัมพันธ์อะไรกับแผนกกราฟิก จะบอกว่าสัมพันธ์ที่สุด เพราะใกล้จะถึงวันทุกฝ่ายเริ่มตื่นตัว ทำให้มีการปรับปรุงมีการเตรียมความพร้อมที่จะตรวจ ต้องเตรียมหลายๆอย่าง ซึ่งสิ่งที่จะเตรียมก็มาสั่งอยู่แผนกกราฟิก เพื่อปริ้นงาน ทำแผนผังเจ้าหน้าที่ ออกแบบหลายๆอย่าง ซึ่งจะต้องทำให้ ปริ้นให้ ติดฟิวเจอร์บอร์ดให้ เคลือบสติ๊กเกอร์ใสให้ ซึ่งในโรงบาลมีหลายแผนก แต่ละแผนกต้องทำคล้ายๆกัน จึงทำให้งานเยอะมากในช่วงนั้น สำหรับในช่วงนี้งานเริ่มลดน้อยลง เริ่มกลับสู่ปกติ ซึ่งทำให้ช่วงนี้ไม่ค่อยจะได้ทำอะไรมากมาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย ตรงกันข้ามกลับมีทุกวันเช่นเดิม เพียงแค่ไม่เยอะเหมือนช่วงก่อนหน้านี้เท่านั้นเองครับ

สำหรับที่ได้ทำในวันนี้ก็ติดฟิวเจอร์บอร์ดและเคลือบสติ๊กเกอร์ใส 15 แผ่น และไปติดสติ๊กเกอร์กระจกหน้าห้องอีกหนึ่งงาน

วันนี้ก็มีเพียงเท่านี้จะมีอะไรเพิ่มเติมไปมากกว่านี้อย่างไร จะมาอัพเดทข้อมูลให้ทุกท่านได้รู้กันครับ

ขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุขครับ สวัสดี

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

นานมากกับการฝึกสหกิจศึกษา

23.43 น. โดยประมาณ

วันนี้ก็วันที่ 13 กรกฎาคม 2553 ซึ่งเมื่อมองกลับหลังสำหรับการฝึกสหกิจ ก็เหมือนเวลามันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วซะเหลือเกิน เพียงแค่ไม่นานก็ผ่านไปเดือนกว่าแล้ว สำหรับประสบการณ์ที่ได้ในเวลาที่ผ่านมาถือว่า ตัวเองยังไม่ได้อะไรเลย แต่ก็มีบ้างเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้ามองออกไปข้างหน้าสิ มันช่างต่างกันกับมองย้อนหลังเหลือเกิน ทั้งที่เวลามันก็เท่าๆกัน แต่เหมือนมันช่างเหลืออีกยาวนานมากเลย อยากให้ถึงวันสุดท้ายของการฝึกสหกิจจังเลย คงมีหลายคนเหมือนกันที่คิดเหมือนผม คงไม่ใช่แค่ตัวผมคนเดียวหรอกที่คิดแบบนี้ ผมว่านะ แต่มองในทางตรงกันข้ามกลับไม่อยากให้เวลานั้นผ่านไปเลย เป็นเพราะหลายๆอย่าง ที่สำคัญเลยก็คืองาน ผมยังไม่รู้เลยว่าเมื่อถึงกำหนดส่งงานทั้งหมด ผมจะทำมันเสร็จตามที่อาจารย์ได้กำหนดไว้หรือเปล่า แต่ก็ต้องตั้งใจทำมันให้ถึงที่สุด

ถึงวันนี้สำหรับประสบการณ์ที่ผ่านมานั้นจะไม่ได้มาถ้าไม่มีพี่ๆฝ่ายเวชนิทัศน์และโสตทัศนศึกษาทุกๆคน ขอขอบคุณพี่ๆทุกคนครับ

สำหรับในวันนี้พอไว้เพียงเท่านี้ก่อน เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เดี๋ยวจะพยายามอัพข้อมูลลงเรื่อยๆให้ทุกคนที่เข้ามาติดตามได้รู้ความเคลื่อนไหวในการฝึกสหกิจในครั้งนี้

ขอความสุขสวัสดี จงมีแก่ทุกๆท่านตลอดทั้งกาลและนานเทอญ

วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เรื่องสั้นของการฝึกสหกิจศึกษา (วันที่ 7 มิถุนายน 2553)

วันนี้เป็นวันแรกของอีกสับดาห์แล้ว ย้อนเวลาถอยหลัง 4วัน เร็วเหมือนโกหก เหมือนกับเวลามันผ่านไปอย่างน่าตก จนไม่น่าเชื่อเลย แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องจริง แต่เมื่อมองไปข้างหน้า เวลามันช่างยาวไกลเหลือเกิน ยิ่งคิดก็ยิ่งท้อ แต่ในโลกนี้กลับไม่มีที่ให้ยืนสำหรับคนที่ท้ออีกต่อไป มีแต่คนที่เข้มแข็งเท่านั้นที่จะยืนหยัดสู้ต่อไปได้ สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนเราไม่ยึดติดกับเวลาคือ งานที่ทำ มันทำให้เราเดินนำหน้าเวลา เหมือนกับ เวลาคอยเดินตามเรา ผมก็เช่นกัน งานที่ทำวันนี้ มันทำให้ผมไม่ได้คิดถึงเวลาเลย ทำให้เวลาเดินเร็วกว่าเดิมด้วยซ้ำ ทั้งที่มันไม่จริงเลย แต่นั่นมันก็เป็นความสุขกับงานที่เราทำ วันนี้ผมทำหน้าที่ของผมอย่างเต็มที่ แต่พรุ่งนี้มันยิ่งจะเต็มที่กว่าเดิม ผมว่านะ ชีวิตคนเรา มันก็เหมือนกับข้าวที่เรากินเข้าไปทุกวันๆ ถ้าไม่มีรสชาติ มันก็ไม่อร่อย ชีวิตก็เหมือนกัน ไม่มีรสชาติก็ไม่สนุก อีกอย่างสิ่งที่เรารู้ เราเคยทำ วันหนึ่งถ้าเราไม่นำมันออกมาใช้ สิ่งเหล่านั้นก็จะค่อยๆหายไป ดังนั้นผมว่าทางที่ดี คนเราควรหาความรู้ใส่ตัวไว้ให้มากๆจะเป็นการดี คิดทบทวนอยู่เสมอ เมื่อถึงเวลาก็นำมันออกมาใช้ ชีวิตแบบนี้สิถึงจะเรียกว่า ชีวิตที่มีคุณค่า

เอาไว้แค่นี้ก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้จะมาเล่าให้ฟังใหม่ มันคงจะเข้มข้นขึ้นกว่านี้

วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันที่สี่ของการฝึกสหกิจศึกษา

และแล้ววันที่พวกเรา และอีกหลายๆคน รอคอยก็มาถึง คือวันสุดท้ายของสัปดาห์ วันนี้เป็นที่น่าตกใจของผมมาก คือ พอไปถึงก็มีโทรศัพท์เข้ามา (โทรศัพท์ในห้องประชุมใหญ่ ซึ่งจะมีทุกชั้น ทุกหน่วยงาน) ซึ่งก็ไม่มีพี่คนไหนอยู่เลย เขาบอกว่าให้ลงไปต่ออุปกรณ์โสตฯให้เพราะเขาจะมีสอบนักศึกษาแพทย์ ดเมื่อพี่เขาไม่อยู่ผมก็ต้องลงไปต่อ ก็ได้ลงไปต่อให้ แต่ก็ต่อได้ เพราะพี่เขาเคยให้ลองต่อดูเมื่อวานพอดี ต่อเสร็จก็ขึ้นไปชั้น 8 ห้องประจำ ที่ต้องอยู่ประจำ หลังจากนั้นก็ต่อในห้องประชุมใหญ่ พี่เขาเริ่มให้ผมต่อเอง อันไหนที่ยังไม่รู้พี่เขาก็จะบอก แนะนำให้ (ลืมบอกไปว่ามีประชุมทุกวัน ซึ่งไม่มีวันไหนหยุดเลย ตารางเต็มไปถึงกลางปี และจะมีไปเรื่อยๆ) หลังจากต่อเสร็จก็ทำหน้าที่จับภาพ VDO ที่เขาประชุมอยู่ เพราะว่าต้องบันทึกภาพไว้เผื่อเจ้าของงานมาถามว่าได้บันทึกงานไว้หรือเปล่า เราจะได้เอาให้เขา (มีถ่ายทอดออกช่อง TV ตลอดการประชุม) ดังนั้นเราต้องถ่ายไว้ เพื่อให้คนอื่นที่ดูอยู่รู้ว่าบรรยากาศการประชุมเป็นอย่างไร เขาพูดถึงเรื่องอะไรบ้าง และในเวลาที่ว่างหน่อย ผมก็จะถามพี่เขาว่าต่ออะไรบ้าง การต่อเป็นอย่างไร ทำไมต้องต่อแบบนี้ ประมาณนั้น พี่เขาก็จะให้คำตอบ พี่เขาเป็นกันเองมาก ให้ข้อมูลที่ดี จนทำให้รู้สึกว่าชอบกับงานแบบนี้ รู้สึกสนุกกับงานที่ทำด้วย

วันที่สามของการฝึกสหกิจศึกษา


เป็นปกติเหมือนกับเช่นทุกวัน คือ เข้างานแต่เช้า วันนี้พี่เขาบอกว่ามีประชุมทั้งวันเลย คือเราต้องไปเตรียมอุปกรณ์ที่วิทยากรจะใช้ในการบรรยาย ในช่วงเช้าพี่เขาให้ปฏิบัติงานจริง ก็คือต่อชุดเครื่องเสียงในห้องประชุมขนาดเล็ก โดยที่มีพี่เขาเป็นที่ปรึกษาและคอยบอกว่าเราจะต้องต่ออย่างไร หลังจากนั้นในช่วงบ่ายพี่เขาก็สอนการต่อชุดเครื่องเสียงที่ใช้ในห้องประชุมใหญ่ว่าต่ออย่างไร พอหลังจากที่อธิบายการต่อชุดเครื่องเสียงเสร็จ ก็เรียนรู้เกี่ยวกับการต่อชุดลำโพง ว่าการต่อลำโพงมีกี่แบบอะไรบ้าง ก็จะมีแบบ อนุกรม แบบขนาน แบบผสม แล้วพี่เขาก็ต่อให้ดูในแต่ละแบบ สำหรับวันนี้ก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับที่ได้เล่ามา ขอจบเพียงแค่นี้ก่อน

วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันที่สองของการฝึกสหกิจศึกษา

วันนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อลุกขึ้นมาทำแบบทดสอบ เพราะทำยังไม่เสร็จ (ลืมบอกไปว่าเมื่อวานพี่เขาให้แบบทดสอบมาทำแล้วให้ส่ง) เวลาเข้าก็ปกติเหมือนเช่นที่ผ่านมา วันนี้ไปถึงก็ไม่ได้รอช้าอะไร เราก็แบ่งหน้าที่กันไปทำเลย วันนี้เราทำตารางการฝึกงานไปให้พี่แต่ละฝ่ายว่าใครอยู่ฝ่ายไหน เราจะเวียนกันไปจนครบทุกฝ่าย ทั้ง 4 ฝ่าย ตั้มอยู่ฝ่ายมัลติมีเดีย , แสบอยู่ฝ่ายถ่ายภาพ , แหววอยู่ฝ่ายกราฟิก , ส่วนตัวผมเองอยู่ฝ่ายโสตฯ หลังจากที่เราแบ่งกันแล้ว เราก็แยกย้ายกันไปทำฝ่ายใครฝ่ายมัน ผมจะประจำอยู่ชั้น 9 ห้องประชุมใหญ่ กับพี่อีกสองคน (พี่ปัญญา และพี่ หนุ่ม ) ไปถึงพี่ปัญญาก็พาไปดูห้องประชุมแต่ละชั้น ว่าเวลามีประชุมต้องเตรียมอะไรบ้าง ขั้นตอนในการปฏิบัติทำอย่างไร เมื่อดูเสร็จก็เอาซะเหนื่อยเลยเพราะต้องเดินดูแต่ละชั้น (สามชั้นเอง อิอิ) ตอนพักเที่ยงพี่เขาก็พาไปกินข้าวฟรีที่ห้องประชุมชั้น 7 พอตอนบ่าย ก็ไปเรียนรู้เกี่ยวกับการเข้าเว็บไซต์เพื่อตรวจสอบดูว่า ห้องประชุมชั้นไหนมีใครจองไว้บ้าง แล้วจะได้ไปจัดเตรียมอุปกรณ์ถูก เรียนไม่นานก็รู้ เพราะว่ามันไม่ยาก หลังจากนั้นพี่เขาก็ให้ออกแบบป้ายประชาสัมพันธ์ ในโครงการที่เขาจะมาอบรมหรือประชุม ที่ห้องประชุมใหญ่ ที่ทำก็เพราะว่าเวลาก่อนจะถึงวันเราจะมีการประชาสัมพันธ์ออกทีวี และวันที่มีประชุมก็จะมีการถ่ายทอดสดออกทางทีวีด้วย จนได้เวลากลับ

ปล. วันนี้เราพากันไป The Mall เพื่อจะไปหาซื้อเสื้อนิสิต ขอบอกว่ารถติดมากมายเลย กว่าจะถึงก็เกือบจะชั่วโมงได้ ก็ไม่มีอะไรมากมาย (แต่อยากเล่า)

เข้าฝึกงานวันแรก


ขอเล่าย้อนหลังแล้วกัน
วันที่เข้าฝึกงานวันแรก ผมตื่นตั้งแต่เช้า ไม่รู้ว่าตื่นเต้นหรืออะไรกันแน่ ผมว่ามีใครหลายๆคนคงนอนกันแทบไม่หลับเลยทีเดียว แต่ผมกับนอนหลับสนิทเลย สำหรับในส่วนของการฝึกงาน ไปถึงก็ได้พบกับพี่แมว (ฝ่ายภาพ) พี่เขาพาเราไปสวัสดีใครต่อใครหลายๆคน จนเราจำไม่ได้ว่าใครบ้าง หลังจากนั้นเราก็เข้าปฐมนิเทศ ที่ที่มาฝึกงานนั้น แบ่งออกเป็น 4 ฝ่าย มีดังนี้
1. ฝ่ายถ่ายภาพ
2. ฝ่ายมัลติมีเดียและโทรทัศน์
3. ฝ่ายกราฟิก
4. ฝ่ายโสตฯ
วันนี้พี่เขาก็มาพูดถึงหน้าที่แต่ละฝ่ายให้เราฟังว่าทำหน้าที่อะไรบ้างสิ่งที่เราต้องทำคืออะไร รวมถึงข้อตกลงร่วมกันด้วย จนเที่ยง เราก็พัก (วันนี้พี่เขาเลี้ยงสมตำด้วย) ในช่วงบ่ายเราก็ขึ้นไปที่ชั้น 7 (ที่ทำงานฝ่ายเวชนิทรรศ) เราก็เริ่มเรียนรู้โปรแกรม พี่ให้เราฝึกหัดโปรแกรม หลังจากนั้นก็ไม่ได้ทำไร พวกเราก็เลย วาดรูปเล่นกัน รูปที่วาดเป็นรูปจักรยาน วาดด้วยโปรแกรม power point ธรรมดา จนถึงเวลา กลับ
ในส่วนของวันนี้ก็คงพักไว้แค่นี้ก่อน ค่อยติดตามกันที่หลังว่าเราจะเป็นอย่างไรกับการฝึกสหกิจในครั้งนี้